วันพุธที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2556

ณเดชน์

ณเดชน์ คูกิมิยะ

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
ณเดชน์ คูกิมิยะ
Barry Nadech 01.JPG
ณเดชน์ คูกิมิยะ ในปี พ.ศ. 2556
ชื่อเกิดชลทิศ ยอดประทุม
ชื่อเล่นแบรี่
เกิด17 ธันวาคม พ.ศ. 2534
(21 ปี 267 วัน)
ขอนแก่นประเทศไทย
ชื่ออื่นป๋าแว่น
อาชีพนักแสดงนายแบบ
ปีที่แสดงพ.ศ. 2552-ปัจจุบัน
ผลงานเด่น"อัคนี" (ไฟ) - ดวงใจอัคนี(2553)
"สายชล" (ชาร์ลส์) - เกมร้ายเกมรัก (2554)
"อาทิจ" (พี่อาทิจ) - ธรณีนี่นี้ใครครอง (2555)
ส่วนเกี่ยวข้องไทยทีวีสีช่อง 3
รางวัลเมขลา
สาขานักแสดงนำชายเมขลามหานิยม
พ.ศ. 2554 - "เกมร้ายเกมรัก"
สาขานักแสดงนำชายเมขลามหานิยม
พ.ศ. 2555 - "ธรณีนี่นี้ใครครอง"
ข้อมูลบนเว็บ IMDb
เว็บทางการ
ณเดชน์ คูกิมิยะ (ชื่อเล่น: แบรี่) เกิดเมื่อวันที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2534 เป็นนักแสดงและนายแบบลูกครึ่งไทย-ออสเตรีย มีชื่อเสียงจากผลงานแสดงทางสถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 โดยเฉพาะละครเรื่อง "ดวงใจอัคนีเกมร้ายเกมรัก" ซึ่งแสดงร่วมกับอุรัสยา เสปอร์บันด์ เป็นผู้นำเสนอภาพยนตร์โฆษณาสินค้าต่าง ๆ มากมาย เข้าร่วมในกิจกรรมรณรงค์ด้านสังคม งานการกุศล เช่น เป็นพรีเซ็นเตอร์ รณรงค์เชิญชวนชายไทยคัดเลือกทหาร ให้กับทางกองทัพบก การได้รับเลือกจากสภากาชาดไทย เป็นทูตรณรงค์เผยแพร่ความรู้ต้านภัยมะเร็งเต้านมในปี 2554-2555 ได้รับเลือกจากมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ให้เป็นทูตพระพุทธศาสนาวิสาขบูชานานาชาติ เป็นต้น มีผลงานการพากย์เสียงการ์ตูน และได้รับรางวัลผลงานดีเด่นในวงการบันเทิงมากมาย
จากการที่ประชาชนพบเห็นณเดชน์ปรากฏตัวผ่านสื่อต่าง ๆ มากมายอยู่เป็นประจำ ไม่ว่าจะเป็นละครโทรทัศน์ภาพยนตร์โฆษณานิตยสาร ฯลฯ ทำให้บางกอกโพสต์ เรียกณเดชน์ว่า "มิสเตอร์เอพวี่แวร์" ความสำเร็จในวงการบันเทิง อาทิเช่น ได้รับฉายา "ซุปตาร์พันธุ์ข้าวเหนียว" จากสมาคมนักข่าวบันเทิงในปี พ.ศ. 2554 การได้รับรางวัล "ขวัญใจมหาชน" จากงาน สยามดาราสตาร์อวอร์ด 2011 รวมทั้งรางวัลนักแสดงนำชายดีเด่นในหลาย ๆ สถาบันที่สำคัญ จากละครเรื่อง "เกมร้ายเกมรัก" ได้แก่รางวัลเมขลา ครั้งที่ 24รางวัลนาฏราช ครั้งที่ 3สยามดาราสตาร์อวอร์ด 2012 เป็นต้น ไปจนถึงได้รับการยกย่องให้เป็น 1 ใน 6 ดาราแห่งศตวรรษ และ 1 ใน 12 คนบันเทิง ผู้ทรงอิทธิพลครึ่งปีแรก 2555 โดยนิตยสารวิเคราะห์วงการบันเทิง รีเควส รวมทั้งดาราทรงอิทธิพลในวงการบันเทิง โดยหนังสือพิมพ์ ดาราเดลี่ เป็นต้น

เนื้อหา

  [แสดง

ประวัติ[แก้]

ณเดชน์เกิดเมื่อวันอังคารที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2534 ที่จังหวัดขอนแก่น โดยชื่อจริงมารดาบุญธรรมเป็นผู้ตั้งให้ เป็นคำประสมระหว่าง ณ+เดชน์ มีความหมายว่า ที่แห่งนั้นจะมีฤทธิ์มีเดช[1] โดยความหมายในพจนานุกรม คำว่าเดชน์แปลว่าลูกศร[2] ส่วนชื่อเล่นเดิมบิดาชาวออสเตรียตั้งให้ว่าแบร้นด์ (Brand) แต่เนื่องจากอ่านออกเสียงค่อนข้างยาก ครอบครัวของเขาจึงเรียกเพี้ยนมาเป็น แบรี่[3] หมายถึง สิ่งที่อยู่บนท้องฟ้า[4] มีฉายาที่เรียกกันในกลุ่มเพื่อนฝูงคนสนิทว่า "ป๋าแว่น" เพราะใส่แว่นตามาตั้งแต่เด็ก และเคยมีรูปร่างอ้วนมาก่อน[5]
สุดารัตน์ คูกิมิยะ มารดาบุญธรรมของณเดชน์
ณเดชน์เติบโตและอาศัยอยู่ที่ขอนแก่น กับสุดารัตน์ คูกิมิยะ มารดาบุญธรรมชาวอีสานเชื้อสายจีนผู้มีศักดิ์เป็นป้า ซึ่งประกอบธุรกิจส่วนตัว และบิดาบุญธรรมชาวญี่ปุ่นคือโยชิโอ คูกิมิยะ เป็นวิศวกรไฟฟ้าซึ่งทำงานในกรุงเทพมหานคร ส่วนบิดาบังเกิดเกล้าเป็นชาวออสเตรีย[6]และมารดาบังเกิดเกล้าเป็นลูกพี่ลูกน้องของสุดารัตน์ ณเดชน์เดิมชื่อชลทิศ ยอดประทุม โดยหลังจากโยชิโอและสุดารัตน์ รับอุปการะเป็นบุตรบุญธรรม จึงเปลี่ยนเป็นณเดชน์ คูกิมิยะ[3] ถึงแม้โยชิโอ จะเป็นพ่อบุญธรรมของณเดชน์ แต่ณเดชน์ก็ไม่สามารถพูดภาษาญี่ปุ่นได้เพราะโยชิโอไม่เคยสอน เมื่อสนทนากันโยชิโอจะใช้เพียงภาษาไทยกับภาษาอังกฤษเท่านั้น[7]
เมื่อปี พ.ศ. 2551 ผู้จัดการนักแสดง ศุภชัย ศรีวิจิตร ได้ไปเยี่ยมบ้านของศุกลวัฒน์ คณารศ ที่ขอนแก่น และพบณเดชน์ซึ่งอาศัยในหมู่บ้านเดียวกันโดยบังเอิญ จึงร้องขอต่อสุดารัตน์ให้บุตรบุญธรรมเข้าร่วมเป็นนักแสดงในสังกัด ซึ่งเธอก็ยินยอม[8] โดยก่อนหน้านั้นศุภชัยได้รู้จักกับอาจารย์ของณเดชน์ รวมทั้งเคยเห็นภาพณเดชน์จากอินเทอร์เน็ตมาบ้าง[9] แต่เนื่องจากณเดชน์ยังมีอายุเพียง 15 ปี และกำลังศึกษาอยู่ชั้น ม.4 เขาใช้เวลาฝึกบุคลิกภาพ ความสามารถต่าง ๆ ด้านการแสดงเป็นเวลา 2 ปีก่อนที่จะพาเข้าสู่การทำงานในวงการ[10] ปัจจุบัน ณเดชน์มีบ้านของตัวเองที่กรุงเทพมหานครแล้ว แต่โดยส่วนใหญ่จะอยู่ที่กองถ่ายละครมากกว่าที่บ้าน เนื่องจากการทำงานต้องเดินทางอยู่เป็นประจำ[11]

การศึกษา[แก้]

ณเดชน์เรียนอนุบาลที่โรงเรียนอนุบาลพิมานเด็ก ต่อชั้นประถมศึกษาที่โรงเรียนมหาไถ่ศึกษาชายซึ่งเป็นโรงเรียนชายล้วน[3] กระทั่งถึง ป.5 ได้ย้ายไปเรียนที่โรงเรียนขอนแก่นวิเทศศึกษา จังหวัดขอนแก่น ซึ่งเป็นโรงเรียนสหศึกษา[12] จนจบชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย (สายวิทย์-คณิต) ระหว่างศึกษา ได้เป็นตัวแทนโรงเรียนไปแข่งขันทางวิทยาศาสตร์หลายครั้ง เมื่อเข้าสู่ระดับอุดมศึกษา ณเดชน์ได้คัดเลือกเข้าศึกษาต่อในสาขาเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล หลักสูตรนานาชาติ [13]แต่ไม่ผ่านการสอบคัดเลือก ณเดชน์จึงได้เลือกเรียนสาขาใหม่ในมหาวิทยาลัยเอกชน เนื่องจากขณะที่ศึกษาอยู่ชั้น ม.4 เขาเริ่มสนใจการผลิตภาพยนตร์สั้น รายการโทรทัศน์ [3]จึงต้องการเรียนรู้การทำงานเบื้องหลัง เช่น กำกับการแสดง และสนใจศึกษาทฤษฎีต่าง ๆ เกี่ยวกับการถ่ายภาพนิ่ง[14] ไม่ชอบการเรียนคณิตศาสตร์[7] ประกอบกับระยะนั้น เขาได้เข้าสู่วงการบันเทิงเป็นที่เรียบร้อย และเริ่มแสดงละครโทรทัศน์ จึงเลือกเข้าศึกษาต่อ ในสาขาวิชาการภาพยนตร์และวีดิทัศน์ คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต[3]

การทำงาน[แก้]

ณเดชน์ในการถ่ายแบบนิตยสาร
เมื่อเข้าเป็นนักแสดงในสังกัดของศุภชัยแล้ว ณเดชน์จึงเริ่มงานด้านการเดินแบบเป็นครั้งแรก ในงานการกุศลของศูนย์ศิลปาชีพบางไทร ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ แล้วจากนั้นก็เริ่มมีผลงานถ่ายแบบให้กับนิตยสารหลายฉบับ[3] โดยครั้งแรกที่ทำงานในวงการบันเทิง ณเดชน์ อายุ 17 ปี กำลังเรียนอยู่ชั้น ม.5[15]และผลงานแรกที่ปรากฏแพร่ภาพทางวิทยุโทรทัศน์คือภาพยนตร์โฆษณาหมากฝรั่ง ไทรเด้นท์ รีแคลเดนท์ คู่กับพัชราภา ไชยเชื้อ[16] ต่อมาในปี พ.ศ. 2552 ทางสถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 ได้มีการคัดเลือกนักแสดงขึ้น โดยณเดชน์ผ่านการคัดเลือกให้เข้ามาเป็นนักแสดงหน้าใหม่ เพื่อร่วมแสดงในละครโทรทัศน์ เงารักลวงใจ เป็นเรื่องแรก และในปี พ.ศ. 2553 ได้มีผลงานละครที่สร้างชื่อเสียงคือ ดวงใจอัคนี เกมร้ายเกมรัก[17][18] ความนิยมจากการแสดงละครโทรทัศน์ ส่งผลให้ณเดชน์ ได้รับเลือกให้เป็นผู้นำเสนอในภาพยนตร์โฆษณาสินค้า เพิ่มขึ้นมากมาย[19]จากผลงานโฆษณาที่มีอยู่เป็นจำนวนมากของณเดชน์ ทำให้โพสต์ทูเดย์กล่าวว่า ณเดชน์คือ "แชมป์พรีเซ็นเตอร์"[20] รวมทั้งชื่อเสียงในการแสดงละครคู่กับอุรัสยา เสปอร์บันด์ทำให้ได้นำเสนอภาพยนตร์โฆษณาต่าง ๆ ร่วมกันหลายเรื่อง[21]จนกระทั่ง และถูกเรียกให้เป็นพระนางคู่ขวัญกัน[22]ทั้งสองคนถูกนำชื่อไปเป็นเรื่องราวสมมุติในงานจิตรกรรมฝาผนังร่วมสมัย เช่น ภาพพิธีมงคลสมรสที่วัดลำปางกลางตะวันออก แสดงวิถีการดำเนินชีวิตและขนบธรรมเนียมประเพณีวัฒนธรรมของคนภาคเหนือ เพื่อบันทึกไว้ให้คนรุ่นหลังศึกษาสืบทอดกันต่อไป[23] ตามมาด้วยผลงานด้านอื่น ๆ เช่นการพากย์การ์ตูนแอนิเมชันสำหรับเยาวชน เรื่อง "ซุปเปอร์ฮีโร่ หล่อช่วยได้" หนึ่งในตัวละครหลักร่วมกับปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์และปริญ สุภารัตน์ ออกอากาศทางช่อง 3[24] ไปจนถึงการร่วมกิจกรรมทางสังคม ต่าง ๆ เช่น คณะทูตของโครงการรณรงค์ต้านภัยมะเร็งเต้านม 2554 โดยสภากาชาดไทย[25] เป็นพรีเซ็นเตอร์ รณรงค์เชิญชวนชายไทยคัดเลือกทหาร ของกองทัพบกไทย ประจำปี 2555[26] เป็นต้น ซึ่งผลงานหลากหลายประเภทที่ทำไว้ในข้างต้นเป็นจำนวนมาก บางกอกโพสต์จึงเรียกณเดชน์ว่า "Mr Everywhere" โดยเหตุผลของหนังสือพิพม์ มาจากการที่ประชาชนสามารถพบเห็นณเดชน์ตามแหล่งสื่อต่างๆ ต่อเนื่องอยู่ตลอดเวลา[27]
ในปี พ.ศ. 2555 มีผลงานแสดงละครเรื่อง ธรณีนี่นี้ใครครอง แสดงร่วมกับอุรัสยา เสปอร์บันด์อีกหน การแสดงของทั้งคู่กรุงเทพธุรกิจวิจารณ์ไว้ว่า "ได้เผยถึงความหลากอารมณ์ มีหลายอย่างปน ๆ กันอยู่ แล้วปล่อยออกมาแบบกระตุ้นการรับรู้" (sensory stimulus) [28] นอกจากงานแสดงแล้ว ณเดชน์ยังได้มีส่วนร่วมกำกับภาพยนตร์กับเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเชียงคาน ซึ่งเป็นผลงานการกำกับครั้งแรก[29] และปีเดียวกันนี้ ณเดชน์ได้มีงานแสดงภาพยนตร์เรื่องแรกในชีวิตคือ คู่กรรม รับบทเป็น "โกโบริ" ทหารญี่ปุ่น ซึ่งณเดชน์ได้เข้าเรียนภาษาญี่ปุ่นเพิ่มเพื่อการพูดภาษาไทยให้มีสำเนียงเหมือนชาวญี่ปุ่น[30] แสดงร่วมกับอรเณศ ดีคาบาเลส นักแสดงหน้าใหม่[31] กำกับภาพยนตร์โดยกิตติกร เลียวศิริกุล ผลิตโดยเอ็ม เทอร์ตี้ไนน์ ทางด้านผู้จัดจันทิมา เลียวศิริกุล กล่าวถึงเหตุผลที่เลือกณเดชน์ เพราะโกโบริคือณเดชน์ ว่า "เพราะเขาคือคนที่เหมาะที่สุด เราไม่เคยคิดจะเปลี่ยนตัวเป็นคนอื่น และถ้าไม่ได้น้องเขาจริง ๆ โปรเจกต์นี้ก็คงต้องเก็บไว้ก่อน"[32]

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น