ณเดชน์ คูกิมิยะ
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
ณเดชน์ คูกิมิยะ | |
ณเดชน์ คูกิมิยะ ในปี พ.ศ. 2556 | |
ชื่อเกิด | ชลทิศ ยอดประทุม |
ชื่อเล่น | แบรี่ |
เกิด | 17 ธันวาคม พ.ศ. 2534 (21 ปี 267 วัน) ขอนแก่น, ประเทศไทย |
ชื่ออื่น | ป๋าแว่น |
อาชีพ | นักแสดง, นายแบบ |
ปีที่แสดง | พ.ศ. 2552-ปัจจุบัน |
ผลงานเด่น | "อัคนี" (ไฟ) - ดวงใจอัคนี(2553) "สายชล" (ชาร์ลส์) - เกมร้ายเกมรัก (2554) "อาทิจ" (พี่อาทิจ) - ธรณีนี่นี้ใครครอง (2555) |
ส่วนเกี่ยวข้อง | ไทยทีวีสีช่อง 3 |
รางวัลเมขลา | |
---|---|
สาขานักแสดงนำชายเมขลามหานิยม พ.ศ. 2554 - "เกมร้ายเกมรัก" สาขานักแสดงนำชายเมขลามหานิยม พ.ศ. 2555 - "ธรณีนี่นี้ใครครอง" | |
ข้อมูลบนเว็บ IMDb | |
เว็บทางการ |
ณเดชน์ คูกิมิยะ (ชื่อเล่น: แบรี่) เกิดเมื่อวันที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2534 เป็นนักแสดงและนายแบบลูกครึ่งไทย-ออสเตรีย มีชื่อเสียงจากผลงานแสดงทางสถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 โดยเฉพาะละครเรื่อง "ดวงใจอัคนี, เกมร้ายเกมรัก" ซึ่งแสดงร่วมกับอุรัสยา เสปอร์บันด์ เป็นผู้นำเสนอภาพยนตร์โฆษณาสินค้าต่าง ๆ มากมาย เข้าร่วมในกิจกรรมรณรงค์ด้านสังคม งานการกุศล เช่น เป็นพรีเซ็นเตอร์ รณรงค์เชิญชวนชายไทยคัดเลือกทหาร ให้กับทางกองทัพบก การได้รับเลือกจากสภากาชาดไทย เป็นทูตรณรงค์เผยแพร่ความรู้ต้านภัยมะเร็งเต้านมในปี 2554-2555 ได้รับเลือกจากมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ให้เป็นทูตพระพุทธศาสนาวิสาขบูชานานาชาติ เป็นต้น มีผลงานการพากย์เสียงการ์ตูน และได้รับรางวัลผลงานดีเด่นในวงการบันเทิงมากมาย
จากการที่ประชาชนพบเห็นณเดชน์ปรากฏตัวผ่านสื่อต่าง ๆ มากมายอยู่เป็นประจำ ไม่ว่าจะเป็นละครโทรทัศน์, ภาพยนตร์, โฆษณา, นิตยสาร ฯลฯ ทำให้บางกอกโพสต์ เรียกณเดชน์ว่า "มิสเตอร์เอพวี่แวร์" ความสำเร็จในวงการบันเทิง อาทิเช่น ได้รับฉายา "ซุปตาร์พันธุ์ข้าวเหนียว" จากสมาคมนักข่าวบันเทิงในปี พ.ศ. 2554 การได้รับรางวัล "ขวัญใจมหาชน" จากงาน สยามดาราสตาร์อวอร์ด 2011 รวมทั้งรางวัลนักแสดงนำชายดีเด่นในหลาย ๆ สถาบันที่สำคัญ จากละครเรื่อง "เกมร้ายเกมรัก" ได้แก่รางวัลเมขลา ครั้งที่ 24, รางวัลนาฏราช ครั้งที่ 3, สยามดาราสตาร์อวอร์ด 2012 เป็นต้น ไปจนถึงได้รับการยกย่องให้เป็น 1 ใน 6 ดาราแห่งศตวรรษ และ 1 ใน 12 คนบันเทิง ผู้ทรงอิทธิพลครึ่งปีแรก 2555 โดยนิตยสารวิเคราะห์วงการบันเทิง รีเควส รวมทั้งดาราทรงอิทธิพลในวงการบันเทิง โดยหนังสือพิมพ์ ดาราเดลี่ เป็นต้น
เนื้อหา
[แสดง]ประวัติ[แก้]
ณเดชน์เกิดเมื่อวันอังคารที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2534 ที่จังหวัดขอนแก่น โดยชื่อจริงมารดาบุญธรรมเป็นผู้ตั้งให้ เป็นคำประสมระหว่าง ณ+เดชน์ มีความหมายว่า ที่แห่งนั้นจะมีฤทธิ์มีเดช[1] โดยความหมายในพจนานุกรม คำว่าเดชน์แปลว่าลูกศร[2] ส่วนชื่อเล่นเดิมบิดาชาวออสเตรียตั้งให้ว่าแบร้นด์ (Brand) แต่เนื่องจากอ่านออกเสียงค่อนข้างยาก ครอบครัวของเขาจึงเรียกเพี้ยนมาเป็น แบรี่[3] หมายถึง สิ่งที่อยู่บนท้องฟ้า[4] มีฉายาที่เรียกกันในกลุ่มเพื่อนฝูงคนสนิทว่า "ป๋าแว่น" เพราะใส่แว่นตามาตั้งแต่เด็ก และเคยมีรูปร่างอ้วนมาก่อน[5]
ณเดชน์เติบโตและอาศัยอยู่ที่ขอนแก่น กับสุดารัตน์ คูกิมิยะ มารดาบุญธรรมชาวอีสานเชื้อสายจีนผู้มีศักดิ์เป็นป้า ซึ่งประกอบธุรกิจส่วนตัว และบิดาบุญธรรมชาวญี่ปุ่นคือโยชิโอ คูกิมิยะ เป็นวิศวกรไฟฟ้าซึ่งทำงานในกรุงเทพมหานคร ส่วนบิดาบังเกิดเกล้าเป็นชาวออสเตรีย[6]และมารดาบังเกิดเกล้าเป็นลูกพี่ลูกน้องของสุดารัตน์ ณเดชน์เดิมชื่อชลทิศ ยอดประทุม โดยหลังจากโยชิโอและสุดารัตน์ รับอุปการะเป็นบุตรบุญธรรม จึงเปลี่ยนเป็นณเดชน์ คูกิมิยะ[3] ถึงแม้โยชิโอ จะเป็นพ่อบุญธรรมของณเดชน์ แต่ณเดชน์ก็ไม่สามารถพูดภาษาญี่ปุ่นได้เพราะโยชิโอไม่เคยสอน เมื่อสนทนากันโยชิโอจะใช้เพียงภาษาไทยกับภาษาอังกฤษเท่านั้น[7]
เมื่อปี พ.ศ. 2551 ผู้จัดการนักแสดง ศุภชัย ศรีวิจิตร ได้ไปเยี่ยมบ้านของศุกลวัฒน์ คณารศ ที่ขอนแก่น และพบณเดชน์ซึ่งอาศัยในหมู่บ้านเดียวกันโดยบังเอิญ จึงร้องขอต่อสุดารัตน์ให้บุตรบุญธรรมเข้าร่วมเป็นนักแสดงในสังกัด ซึ่งเธอก็ยินยอม[8] โดยก่อนหน้านั้นศุภชัยได้รู้จักกับอาจารย์ของณเดชน์ รวมทั้งเคยเห็นภาพณเดชน์จากอินเทอร์เน็ตมาบ้าง[9] แต่เนื่องจากณเดชน์ยังมีอายุเพียง 15 ปี และกำลังศึกษาอยู่ชั้น ม.4 เขาใช้เวลาฝึกบุคลิกภาพ ความสามารถต่าง ๆ ด้านการแสดงเป็นเวลา 2 ปีก่อนที่จะพาเข้าสู่การทำงานในวงการ[10] ปัจจุบัน ณเดชน์มีบ้านของตัวเองที่กรุงเทพมหานครแล้ว แต่โดยส่วนใหญ่จะอยู่ที่กองถ่ายละครมากกว่าที่บ้าน เนื่องจากการทำงานต้องเดินทางอยู่เป็นประจำ[11]
การศึกษา[แก้]
ณเดชน์เรียนอนุบาลที่โรงเรียนอนุบาลพิมานเด็ก ต่อชั้นประถมศึกษาที่โรงเรียนมหาไถ่ศึกษาชายซึ่งเป็นโรงเรียนชายล้วน[3] กระทั่งถึง ป.5 ได้ย้ายไปเรียนที่โรงเรียนขอนแก่นวิเทศศึกษา จังหวัดขอนแก่น ซึ่งเป็นโรงเรียนสหศึกษา[12] จนจบชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย (สายวิทย์-คณิต) ระหว่างศึกษา ได้เป็นตัวแทนโรงเรียนไปแข่งขันทางวิทยาศาสตร์หลายครั้ง เมื่อเข้าสู่ระดับอุดมศึกษา ณเดชน์ได้คัดเลือกเข้าศึกษาต่อในสาขาเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล หลักสูตรนานาชาติ [13]แต่ไม่ผ่านการสอบคัดเลือก ณเดชน์จึงได้เลือกเรียนสาขาใหม่ในมหาวิทยาลัยเอกชน เนื่องจากขณะที่ศึกษาอยู่ชั้น ม.4 เขาเริ่มสนใจการผลิตภาพยนตร์สั้น รายการโทรทัศน์ [3]จึงต้องการเรียนรู้การทำงานเบื้องหลัง เช่น กำกับการแสดง และสนใจศึกษาทฤษฎีต่าง ๆ เกี่ยวกับการถ่ายภาพนิ่ง[14] ไม่ชอบการเรียนคณิตศาสตร์[7] ประกอบกับระยะนั้น เขาได้เข้าสู่วงการบันเทิงเป็นที่เรียบร้อย และเริ่มแสดงละครโทรทัศน์ จึงเลือกเข้าศึกษาต่อ ในสาขาวิชาการภาพยนตร์และวีดิทัศน์ คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต[3]
การทำงาน[แก้]
เมื่อเข้าเป็นนักแสดงในสังกัดของศุภชัยแล้ว ณเดชน์จึงเริ่มงานด้านการเดินแบบเป็นครั้งแรก ในงานการกุศลของศูนย์ศิลปาชีพบางไทร ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ แล้วจากนั้นก็เริ่มมีผลงานถ่ายแบบให้กับนิตยสารหลายฉบับ[3] โดยครั้งแรกที่ทำงานในวงการบันเทิง ณเดชน์ อายุ 17 ปี กำลังเรียนอยู่ชั้น ม.5[15]และผลงานแรกที่ปรากฏแพร่ภาพทางวิทยุโทรทัศน์คือภาพยนตร์โฆษณาหมากฝรั่ง ไทรเด้นท์ รีแคลเดนท์ คู่กับพัชราภา ไชยเชื้อ[16] ต่อมาในปี พ.ศ. 2552 ทางสถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 ได้มีการคัดเลือกนักแสดงขึ้น โดยณเดชน์ผ่านการคัดเลือกให้เข้ามาเป็นนักแสดงหน้าใหม่ เพื่อร่วมแสดงในละครโทรทัศน์ เงารักลวงใจ เป็นเรื่องแรก และในปี พ.ศ. 2553 ได้มีผลงานละครที่สร้างชื่อเสียงคือ ดวงใจอัคนี เกมร้ายเกมรัก[17][18] ความนิยมจากการแสดงละครโทรทัศน์ ส่งผลให้ณเดชน์ ได้รับเลือกให้เป็นผู้นำเสนอในภาพยนตร์โฆษณาสินค้า เพิ่มขึ้นมากมาย[19]จากผลงานโฆษณาที่มีอยู่เป็นจำนวนมากของณเดชน์ ทำให้โพสต์ทูเดย์กล่าวว่า ณเดชน์คือ "แชมป์พรีเซ็นเตอร์"[20] รวมทั้งชื่อเสียงในการแสดงละครคู่กับอุรัสยา เสปอร์บันด์ทำให้ได้นำเสนอภาพยนตร์โฆษณาต่าง ๆ ร่วมกันหลายเรื่อง[21]จนกระทั่ง และถูกเรียกให้เป็นพระนางคู่ขวัญกัน[22]ทั้งสองคนถูกนำชื่อไปเป็นเรื่องราวสมมุติในงานจิตรกรรมฝาผนังร่วมสมัย เช่น ภาพพิธีมงคลสมรสที่วัดลำปางกลางตะวันออก แสดงวิถีการดำเนินชีวิตและขนบธรรมเนียมประเพณีวัฒนธรรมของคนภาคเหนือ เพื่อบันทึกไว้ให้คนรุ่นหลังศึกษาสืบทอดกันต่อไป[23] ตามมาด้วยผลงานด้านอื่น ๆ เช่นการพากย์การ์ตูนแอนิเมชันสำหรับเยาวชน เรื่อง "ซุปเปอร์ฮีโร่ หล่อช่วยได้" หนึ่งในตัวละครหลักร่วมกับปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์และปริญ สุภารัตน์ ออกอากาศทางช่อง 3[24] ไปจนถึงการร่วมกิจกรรมทางสังคม ต่าง ๆ เช่น คณะทูตของโครงการรณรงค์ต้านภัยมะเร็งเต้านม 2554 โดยสภากาชาดไทย[25] เป็นพรีเซ็นเตอร์ รณรงค์เชิญชวนชายไทยคัดเลือกทหาร ของกองทัพบกไทย ประจำปี 2555[26] เป็นต้น ซึ่งผลงานหลากหลายประเภทที่ทำไว้ในข้างต้นเป็นจำนวนมาก บางกอกโพสต์จึงเรียกณเดชน์ว่า "Mr Everywhere" โดยเหตุผลของหนังสือพิพม์ มาจากการที่ประชาชนสามารถพบเห็นณเดชน์ตามแหล่งสื่อต่างๆ ต่อเนื่องอยู่ตลอดเวลา[27]
ในปี พ.ศ. 2555 มีผลงานแสดงละครเรื่อง ธรณีนี่นี้ใครครอง แสดงร่วมกับอุรัสยา เสปอร์บันด์อีกหน การแสดงของทั้งคู่กรุงเทพธุรกิจวิจารณ์ไว้ว่า "ได้เผยถึงความหลากอารมณ์ มีหลายอย่างปน ๆ กันอยู่ แล้วปล่อยออกมาแบบกระตุ้นการรับรู้" (sensory stimulus) [28] นอกจากงานแสดงแล้ว ณเดชน์ยังได้มีส่วนร่วมกำกับภาพยนตร์กับเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเชียงคาน ซึ่งเป็นผลงานการกำกับครั้งแรก[29] และปีเดียวกันนี้ ณเดชน์ได้มีงานแสดงภาพยนตร์เรื่องแรกในชีวิตคือ คู่กรรม รับบทเป็น "โกโบริ" ทหารญี่ปุ่น ซึ่งณเดชน์ได้เข้าเรียนภาษาญี่ปุ่นเพิ่มเพื่อการพูดภาษาไทยให้มีสำเนียงเหมือนชาวญี่ปุ่น[30] แสดงร่วมกับอรเณศ ดีคาบาเลส นักแสดงหน้าใหม่[31] กำกับภาพยนตร์โดยกิตติกร เลียวศิริกุล ผลิตโดยเอ็ม เทอร์ตี้ไนน์ ทางด้านผู้จัดจันทิมา เลียวศิริกุล กล่าวถึงเหตุผลที่เลือกณเดชน์ เพราะโกโบริคือณเดชน์ ว่า "เพราะเขาคือคนที่เหมาะที่สุด เราไม่เคยคิดจะเปลี่ยนตัวเป็นคนอื่น และถ้าไม่ได้น้องเขาจริง ๆ โปรเจกต์นี้ก็คงต้องเก็บไว้ก่อน"[32]
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น